ปัญหาความเครียด เป็นที่มาของปัญหาสุขภาพจิ
อย่างเช่น คุณอาจรู้สึกอ่อนล้าและจมดิ่งอยู่กับความเศร้า แต่นั่นแปลว่าคุณเป็นโรคซึมเศร้าหรือเปล่า หรือเพื่อนสนิทของคุณมักจะรู้สึกเครียดและท้อแท้สิ้นหวังกับสิ่งต่างๆ ที่ประเดประดังเข้ามา แต่นั่นเกี่ยวข้องกับการเป็นโรควิตกกังวลหรือเปล่า ส่วนคู่รักของคุณ ก็ดูไม่ค่อยมีสมาธิ แต่เขาเป็นโรคสมาธิสั้นหรือเปล่านะ
ดังนั้น ก่อนที่เราจะฟันธงว่า สถานการณ์แบบไหนเป็นเรื่อง “ปกติ” หรือ “ไม่ปกติ” สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ การเริ่มต้นด้วยคำถามว่า อะไรคือพฤติกรรมที่เรียกว่า “ปกติ” และพฤติกรรมอะไรที่อาจสัมพันธ์กับสภาวะของการมีปัญหาสุขภาพจิต
ความผิดปกติทางจิตใจคืออะไร
ก่อนอื่น สิ่งแรกเลยที่ควรต้องรู้ก็คือ ความผิดปกติทางจิตใจ (Mental Health Disorder) คืออะไร ความผิดปกติทางจิตใจก็คือ ภาวะที่ส่งผลกระทบต่อความรู้สึก อารมณ์ และพฤติกรรมของคนเรา โดยสาเหตุของความผิดปกติทางจิตใจเชื่อมโยงกับปัจจัยหลายประการ ทั้งประวัติครอบครัว พันธุกรรม สารเคมีในสมองของแต่ละคน ประสบการณ์ชีวิต และสภาพแวดล้อมที่ทำให้พบกับตัวกระตุ้นความเครียด แอลกอฮอล์ หรือยาเสพติด นอกจากนี้สถานการณ์อื่นๆ ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดความผิดปกติทางจิตใจก็คือ
- การถูกทอดทิ้งหรือถูกทำร้ายในวัยเด็ก
- บาดแผลทางใจ
- ครอบครัวที่มีประวัติการเจ็บป่วยทางจิต
- อาการบาดเจ็บทางสมอง
- พบกับเหตุการณ์ในชีวิตที่มีความเครียดสูง เช่น การหย่าร้าง หรือการสูญเสียคนอันเป็นที่รัก
- การใช้แอลกอฮอล์หรือยาในทางที่ผิด
- อาการเจ็บป่วยเรื้อรัง
- เคยเจ็บป่วยทางจิตมาก่อน
- การอยู่ตัวคนเดียวหรือไม่ค่อยมีคนใกล้ชิด
ในบ้านเรา สถานการณ์ของความผิดปกติทางจิตใจถือเป็นปัญหาใหญ่ที่ไม่ควรละเลย โดยการสำรวจสถานการณ์ปัญหาสุขภาพจิตเมื่อปี 2556 ซึ่งสำรวจทุก 5 ปี พบว่าคนไทยที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป มีปัญหาสุขภาพจิตประมาณ 7 ล้านคน โดยโรคจิตเวชที่พบมากที่สุดในคนไทย จากรายงานของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ก็คือ
- โรคซึมเศร้า (Depression)
- โรคจิตเภท (Schizophrenia)
- โรควิตกกังวล (Anxiety)
- โรคจิตเวชเนื่องมาจากสารเสพติด (Substance Induced Mental Illness)
- โรคอารมณ์แปรปรวนสองขั้ว (Bipolar Disorder)
สัญญาณเตือนภัยอะไรที่คุณต้องระวัง
ความผิดปกติทางจิตใจสามารถส่งผลเสียต่อคุณภาพชีวิตของคนเราในหลายๆ ด้าน การรับรู้ถึงสัญญาณเตือนเรื่องความผิดปกติทางจิตใจ และการรับเข้าการรักษาแต่เนิ่นๆ จึงเป็นเรื่องสำคัญยิ่งต่อสุขภาพที่ดีโดยรวมของเรา และนี่คือ 3 สัญญาณเตือนภัยที่คุณต้องระวัง
สัญญาณเตือนภัยที่ 1 : มีอาการที่เชื่อมโยงกับความผิดปกติทางจิต
การทำความเข้าใจในอาการทั่วไปของความผิดปกติทางจิต เป็นก้าวแรกในการเริ่มประเมินว่า นี่อาจเป็นสิ่งที่อยู่เบื้องหลังสิ่งที่คุณหรือคนที่คุณรักกำลังพบอยู่หรือเปลา ในขณะที่อาการผิดปกติทางจิตใจมีอยู่หลายอย่าง และทั้งหมดต่างมีอาการเฉพาะตัว แต่ก็มีสิ่งที่อาจบ่งชี้ได้อย่างกว้างๆ ได้แก่
- ความโกรธเกรี้ยวที่ไม่อาจอธิบายได้ หรือรุนแรงเกินไป
- ความสับสน ไม่สามารถเรียบเรียงความคิดได้
- อารมณ์สุดขั้ว ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ดีสุดๆ หรือเศร้าสุดๆ
- ไม่มีแรงจูงใจหรือไม่สนใจในสิ่งใดๆ
- มีพฤติกรรมเสพติดหรือใช้สารเสพติด
- ประสาทหลอน (อาจจะเป็นอาการหลอนทางสัมผัส การเห็นภาพหลอน หรือทางการได้ยิน เช่น หูแว่ว)
- มีความคิดหรือการรับรู้ที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง
- ขาดความใส่ใจในการรักษาความสะอาดและการดูแลตนเอง หรือความสะอาดในที่อยู่อาศัย
- พฤติกรรมการกินหรือการนอนหรือความต้องการทางเพศเปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจน
- รู้สึกเศร้าหรือหงุดหงิดไม่หาย
- ถอนตัวออกห่างจากเพื่อนหรือครอบครัว
- เป็นกังวลหรือกลัวในแบบที่เกินเลย
- มีอาการเจ็บป่วยทางกายที่อธิบายไม่ได้แบบเรื้อรัง
- มีความคิดที่จะฆ่าตัวตาย
อย่างไรก็ตาม พึงระลึกไว้ด้วยว่า อาการเหล่านี้ส่วนใหญ่อาจเชื่อมโยงกับปัญหาอื่นก็ได้เช่นกัน เช่น การเปลี่ยนแปลงยาที่กิน การอยู่ในช่วงเวลาของความตึงเครียดสูงแบบไม่ปกติ หรือการเจอเหตุการณ์สำคัญในชีวิต ก็อาจส่งผลกระทบต่อความรู้สึก อารมณ์ และพฤติกรรมได้ แต่หากคุณสังเกตเห็นอาการอย่างใดอย่างหนึ่งเหล่านี้ ร่วมกับสัญญาณเตือนอื่นๆ ตามรายการข้างล่าง ก็อาจถึงเวลาที่จะขอความช่วยเหลือจากมืออาชีพได้แล้ว
สัญญาณเตือนภัยที่ 2 : มีพฤติกรรมและความรู้สึกที่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน
เมื่อใดก็ตามที่พฤติกรรม ความรู้สึก หรืออารมณ์ของคนๆ หนึ่งกำลังทำให้เกิดปัญหาในชีวิตที่รุนแรงและต่อเนื่องในชีวิตของตนเอง นี่ถือเป็นสัญญาณเตือนในทันทีว่า อาจมีปัญหาทางสุขภาพจิตเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
ตัวอย่างเช่น การมีอารมณ์ร้ายก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่ก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่ง หากการระเบิดอารมณ์เกิดขึ้นบ่อย จนส่งผลทำให้ถูกไล่ออกจากงาน หรือมีปัญหาในความสัมพันธ์ส่วนตัว
ความวิตกกังวลเป็นเรื่องปกติของชีวิต เช่น จะต้องตรวจดูว่าประตูล็อกหรือยังก่อนนอน แต่นี่เป็นกิจวัตรประจำวันที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ความวิตกกังวลที่มากจนเกินไป จนไม่สามารถทำให้คุณทำงานให้เสร็จสิ้นได้ และบางครั้งก็พบว่าคุณวิตกกังวลกับเรื่องบางอย่างจนทำให้การเข้าสังคมกับเพื่อนฝูงหรือคนอื่นๆเป็นเรื่องยาก
หากใครบางคนกำลังพยายามที่จะจัดการกับสิ่งที่พวกเขาอ้างว่าเป็น “นิสัย” หรือ “ความแปลกประหลาดส่วนบุคคล” โดยที่ไม่เคยประสบความสำเร็จ นี่ก็อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ได้ว่า มีบางสิ่งที่เกิดขึ้น นอกเหนือจากการควบคุมพฤติกรรมหรือนิสัยของตนเอง และอาจมีความเกี่ยวโยงกับความผิดปกติทางจิตใจที่ซ่อนอยู่ ซึ่งต้องได้รับการเยียวยา
สัญญาณเตือนภัย 3 : ไม่มีเหตุผลที่ชัดเจนหรือสมเหตุสมผลต่อพฤติกรรมหรือความรู้สึกบางอย่าง
หากคุณเพิ่งผ่านเหตุการณ์ที่ร้ายแรงหรือโศกเศร้ามา เป็นเรื่องปกติที่จะรู้สึกถึงความรู้สึกอันรุนแรงที่ไม่เคยเจอ เช่น ความเศร้าโศกจากการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก สามารถทำให้เกิดความเศร้าและความโกรธที่ลึกซึ้งและควบคุมไม่ได้
แต่หากคุณหรือคนที่คุณรักกำลังรู้สึกถึงอารมณ์รุนแรงบางอย่าง และการเกิดอารมณ์เหล่านั้นก็ไม่มีสิ่งกระตุ้นอันชัดเจน วนเวียนไปมาไม่จบสิ้น นี่ก็อาจเป็นสัญญาณที่เป็นไปได้ของความผิดปกติทางจิตใจ ที่มากไปกว่าความเครียดหรือความโศกเศร้าตามปกติ
คุณทำอะไรได้บ้างเพื่อรับมือกับปัญหาสุขภาพจิต
ทุกวันนี้ มีการบำบัดรักษาหลายแบบสำหรับผู้ที่มีปัญหาความผิดปกติทางจิตใจ ตั้งแต่จิตบำบัด ไปจนถึงการใช้ยา และการดูแลแบบทางเลือก โดยผู้เชี่ยวชาญจะสามารถช่วยผู้เข้ารับการรักษาในการตัดสินใจเลือกวิธีการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือวิธีการแบบผสมผสาน ที่จะให้ประสิทธิภาพสูงสุด
สถานที่ในการรักษาก็อาจแตกต่างกันไป มีทั้งการรักษาแบบผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน โดยการรักษาแบบผู้ป่วยนอก ทำให้ผู้ป่วยยังได้อยู่ที่บ้าน และจัดการตารางชีวิตของตนเองได้ตามปกติ ขณะที่การรักษาแบบผู้ป่วยในหรือแบบอยู่ประจำในสถานบำบัด ทำให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างเต็มที่ต่ออาการผิดปกติทางจิตใจ ในสภาพแวดล้อมที่ห่างไกลจากความเครียดและตัวกระตุ้นอาการ ซึ่งสำคัญเป็นพิเศษสำหรับคนที่มีปัญหารุนแรง หรือคนที่เคยพยายามรักษาตัวมาแล้วก่อนหน้านี้ แต่ล้มเหลว
หากคุณกำลังพิจารณาทางเลือกในการรักษาอยู่ ก็จะเป็นประโยชน์มากกว่า หากได้พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิต เพื่อชั่งน้ำหนัก ตัวเลือกและตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับความต้องการเฉพาะตัวของคุณ
การเยียวยาจิตใจที่เดอะดอว์นช่วยคุณได้
ศูนย์สุขภาพจิตเอกชน เดอะดอว์น เชียงใหม่ มีหลักสูตรการบำบัดเยียวยาสุขภาพจิต ซึ่งใช้เทคนิคจิตบำบัดที่มีประสิทธิภาพ ที่เหมาะทั้งสำหรับผู้ที่มีอาการแบบปานกลาง และผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีอาการเจ็บป่วยทางจิต โดยหลักสูตรการรักษาของเราได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษ เพื่อช่วยให้ผู้เข้ารับการรักษารู้สึกดีขึ้น สามารถเข้าใจในอาการของตัวเองมากขึ้น และเรียนรู้ทักษะในการจัดการกับอาการของตัวเองอย่างมีประสิทธิภาพ
เดอะดอว์นตั้งอยู่ติดแม่น้ำปิง ท่ามกลางธรรมชาติอันเงียบสงบ ห่างไกลจากสิ่งกระตุ้นจากความเครียด พร้อมทีมงานดูแลที่มีประสบการณ์ เราเน้นการสร้างแผนการรักษาที่เหมาะสำหรับแต่ละบุคคล และตั้งเป้ามิใช่เพียงเรื่องการฟื้นฟูสุขภาพจิตใจ แต่รวมถึงสุขภาพร่างกายด้วย โดยรวมเอาการพัฒนาสุขภาวะแบบองค์รวมเข้ามาไว้ในหลักสูตรการรักษา อย่างเช่น การออกกำลังกาย โยคะและการทำสมาธิ
หากคุณสังเกตถึงสัญญาณเตือนภัยของปัญหาสุขภาพจิตและต้องการเข้ารับการรักษาที่ศูนย์สุขภาพจิต เดอะดอว์น ติดต่อแผนกแรกรับของเราวันนี้ เพื่อรับข้อมูลเกี่ยวกับขั้นตอนสู่การเข้ารับรักษาที่ศูนย์สุขภาพจิตของเรา