เข้ารับการบำบัดยาเสพติด..ตอนไหนดีที่สุด

การเข้ารับการบำบัดยาเสพติด..ตอนไหนดีที่สุด

คำถามที่ว่าช่วงเวลาไหนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเข้ารับการบำบัด คำตอบง่ายๆ สั้นๆ ก็คือ “ตอนนี้” เหตุผลน่ะหรือ ก็เพราะว่ายิ่งทิ้งเอาไว้นานเท่าใด การเสพติดก็จะเลวร้ายมากยิ่งขึ้น ดังนั้น การเข้ารับการรักษาการเสพติดตั้งแต่ตอนนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งยวดในการรักษาสุขภาพ รวมทั้งรักษาความสัมพันธ์และสถานภาพทางการเงินของคุณเอาไว้ให้ได้

สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว ทุกคนต่างก็ต้องวิ่งวุ่นระหว่างหน้าที่การงาน ชีวิต ส่วนตัวและเรื่องอื่นๆ ในชีวิตอยู่ไม่ได้ขาด การสร้างความสมดุลในการใช้ชีวิตไม่ใช่เรื่องง่าย และบ่อยครั้งที่การหาเวลาเพื่อจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แม้กระทั่งสิ่งที่เรารู้ดีว่าสำคัญอย่างยิ่ง ก็ยังอาจเป็นไปได้ยาก

ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ว่า ถึงแม้ว่าคุณจะเริ่มตระหนักแล้วว่าตัวเองอาจมีปัญหาการเสพติด แต่คุณก็ยังสามารถหาข้ออ้างนับร้อยนับพันมาบอกตัวเองว่า ทำไมคุณจึงต้องจัดการกับสิ่งนี้ด้วยตัวเองไปก่อนชั่วคราว คุณอาจบอกตัวเองประมาณว่า 

“อีกสองสามเดือน พอเรื่องงานลงตัวดีแล้ว ผมจะเริ่มปรึกษากับใครสักคนที่จะช่วยให้คำแนะนำในการลดการดื่มลงสักหน่อย”

“ทุกอย่างกำลังตึงเครียดมาก และยาที่กินอยู่ก็ช่วยให้บรรเทาลงได้บ้าง หลังจากทุกอย่างเข้าที่เข้าทางดีแล้ว ฉันจะลองคิดอีกทีว่าจะหาอะไรที่ดีต่อสุขภาพมากกว่านี้มาแทนที่ยาพวกนี้”

“ฉันคงมีเวลามากพอที่จะใส่ใจกับตัวเอง พอโรงเรียนเปิดเทอมแล้วและลูกๆต่างก็ออกไปเรียน ฉันค่อยไปจัดการตอนนั้นแล้วกัน”

สิ่งที่อยู่เบื้องหลังข้ออ้างเหล่านี้ที่พบได้บ่อยที่สุดก็คือ การคาดเดาเอาเองว่าการรักษาการเสพติดเป็นสิ่งที่เราสามารถชะลอเวลาเอาไว้ก่อนได้ และผลที่ตามมาจากการทำเช่นนั้นก็ไม่ได้มีอะไรร้ายแรงเท่าไหร่ แต่ความเป็นจริงแล้วก็คือ การคิดเอาเองเช่นนั้นเกิดมาจากการไม่ยอมรับความจริง (ซึ่งเป็นลักษณะสำคัญของการเสพติด) และก็ไม่ตรงกับความเป็นจริงที่ว่า การเสพติดเป็น “โรค” ชนิดหนึ่ง ซึ่งถึงแม้การเข้ารับการรักษาอาจไม่สะดวกนัก แต่หากลองจินตนาการดูแล้วก็คงเหมือนกับสถานการณ์ใยเวลาที่คุณกระดูกหัก คุณก็คงไม่อาจผัดผ่อนการไปหาหมอได้ การชะลอการรักษาการเสพติดไปจนกว่าคุณจะว่าง ก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพเช่นกัน การทำความเข้าใจให้ชัดเจนว่า ทำไมการลงมือทำอย่างทันทีถึงเป็นเรื่องจำเป็น จะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกในสิ่งที่ดีต่อสุขภาพตัวเองในอนาคตได้ และต่อไปนี้คือบางประเด็นในเรื่องนี้ที่ควรคำนึงถึง

1 การเสพติดเป็นโรคชนิดหนึ่ง

การเสพติดไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย ไม่ใช่แค่นิสัยที่ไม่ดี แต่เป็นโรคเรื้อรังที่จะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ หากไม่ได้รับการรักษา ก็เหมือนกับโรคเรื้อรังทั่วไปบางอย่างเช่น เบาหวาน หอบหืด หรือโรคหัวใจ ซึ่งคุณต้องรักษาในทันทีและอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต การเสพติดก็เป็นภาวะที่หากคุณไม่ลงมือจัดการใดๆ ก็จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงและยาวนานต่อสุขภาพของคุณทั้งร่างกายและจิตใจ ทั้งยังส่งผลต่อความสัมพันธ์ของคุณ รวมถึงต่อหน้าที่การงานและการเงินด้วยเช่นกัน

2 การเสพติดจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

การเสพติดเป็นโรคที่จะส่งผลกระทบด้านลบมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งหมายความว่าผลกระทบจากการเสพติดจะเลวร้ายยิ่งขึ้นเมื่อผ่านไปนานๆ เมื่อร่างกายเริ่มเคยชินกับผลกระทบของสารเสพติด ก็จะเริ่มเกิดอาการต้านทานสารเสพติดจนต้องใช้สารเสพติดมากขึ้น เพื่อให้ได้รับผลแบบเดิมที่ต้องการ แต่นั่นก็ทำให้คุณมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้น เพราะร่างกายมีขีดจำกัด การเสพสิ่งเสพติดเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างสม่ำเสมอ ทำให้เสี่ยงที่จะเสพยาเกินขนาด รวมถึงเกิดความเสียหายต่อสุขภาพร่างกายอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน

นอกเหนือจากผลกระทบทางร่างกายแล้ว ผลทางสุขภาพจิตใจและทางสังคมที่เกิดจากการเสพติดอย่างต่อเนื่องยาวนานก็ร้ายแรงไม่แพ้กัน การศึกษาชี้ว่าการเสพติดคุกคามต่อความสัมพันธ์ของคุณกับคนที่คุณรัก โดยตัวเลขในสหรัฐฯ ระบุว่า การใช้สารเสพติดเป็นสาเหตุหลักของการหย่าร้างสูงถึง 34.6% เลยทีเดียว เช่นเดียวกับในประเทศออสเตรเลียที่ก็มีจำนวนถึง 7.4%

3 เมื่อเกิดการเสพติด ยิ่งคุณรอนานเท่าไหร่ เวลาคุณก็จะยิ่งน้อยลง

พูดแบบตรงไปตรงมาก็คือ การเสพติดสามารถทำให้คุณอายุสั้นลงได้ โดยนักวิจัยได้คิดค้นเครื่องคำนวณเวลาของการเสพติด ที่สามารถประเมินผลกระทบของการเสพติดกับช่วงอายุของคุณ อิงตามประเภทของยาเสพติดที่ใช้ ความถี่ในการใช้ และระยะเวลาที่เสพติด โดยผลที่ได้รับนั้นเป็นเครื่องเตือนความจำอันน่าตกใจว่า ผลกระทบของการใช้สารเสพติดสามารถทำให้คุณอายสั้นลงได้เพียงใด และยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่าการเข้ารับการรักษาในทันทีนั้นมีความสำคัญเพียงใด

4 การใช้เงินสำหรับการบำบัดในวันนี้เป็นการประหยัดเงินในวันหน้า

ถ้าการรักษาอาจฟังดูเป็นเรื่องดี เสียแต่เรื่องราคาในการเข้าบำบัดที่อาจไม่ค่อยดีเท่าไหร่อย่างนั้นหรือเปล่า ใช่แล้ว ราคาค่าใช้จ่ายในการรักษาเป็นเหตุผลที่พบได้บ่อย ที่ทำให้คนเราผัดผ่อนการเข้ารับการรักษา แต่สิ่งที่พวกเขาไม่ได้คำนึงถึงก็คือ “ราคา” ที่ตัวเองได้จ่ายไปแล้วจากผลลัพท์ของการเสพติดนั่นเอง ซึ่งสำหรับคนจำนวนมากก็อาจเป็นเงินหลักแสนหรือมากกว่านั้นเลยทีเดียว

คุณอาจรู้ตัวอยู่บ้างแหละว่าการเสพติดทำร้ายเงินในกระเป๋าของคุณได้เพียงใด แต่สิ่งที่คุณอาจไม่รู้ตัวก็คือ ภาระทางการเงินที่เกิดจากการเสพติดนั้น ไม่ได้เกิดจากราคาของสิ่งเสพติดอย่างเดียว แต่ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกิดขึ้นได้จาก

  • ปัญหาสุขภาพ
  • ปัญหาทางกฎหมาย
  • อุบัติเหตุเนื่องมาจากอาการมึนเมา
  • การตกงาน

ซึ่งยิ่งเมื่อผ่านไปนานๆ เข้า ค่าใช้จ่ายของการเสพติดโดยรวมก็อาจเป็นเงินจำนวนมหาศาลเลยทีเดียว การรักษาการเสพติดจึงเป็นการลงทุน – ที่ไม่ใช่เพียงเพื่อสุขภาพของตัวเอง แต่ยังรวมถึงสุขภาพทางการเงินในอนาคตของคุณด้วย

แล้วนี่..ฉันมีปัญหาจริงๆ หรือ?

ในส่วนลึกของความลังเลที่จะเข้ารับการรักษาอาจเป็นการไม่ยอมรับความจริงที่ไม่อาจหายไปได้ง่ายๆ ในสมองของคุณอาจมีแต่ประโยคที่คอยแก้ตัวให้ตัวเองอย่างเช่น

“การดื่มของผมไม่ได้ร้ายแรงอะไรขนาดนั้น ผมก็แค่ค่อยๆลดลงทีละน้อยก็ได้แล้ว”

“ผมคิดว่าการใช้สารเสพติดของผมยังไม่ได้ร้ายแรงอะไรมากนัก”

“ยาพวกนี้..หมอก็เป็นคนสั่งจ่ายเอง จะร้ายแรงอะไรขนาดไหนกันเชียว”

อย่างแรก ยอมรับเสียเถอะว่าคุณกำลังไม่ยอมรับความจริง และทำความเข้าใจด้วยว่านี่เป็นเรื่องปกติมากสำหรับการเสพติด จากนั้น ลองถามตัวคุณเองอย่างจริงจัง และถ้าคุณพบว่าตัวเองลังเลกับคำตอบของตัวเอง หรือรู้สึกไม่สบายใจ หรือแม้แต่โกรธที่จะตอบคำถามพวกนี้ ก็รู้ไว้ด้วยว่าปฏิกิริยาพวกนี้เป็นการป้องกันตัวเองของผู้เสพติดที่มีต่อการรักษา 

คำถามพวกนี้ก็อย่างเช่น

  • เพื่อนหรือครอบครัวเคยแสดงความห่วงใยในการใช้สารเสพติดหรือการดื่มของคุณหรือเปล่า
  • คุณเคยแอบซ่อนหรือพยายามกลบเกลื่อนการใช้สารเสพติดหรือการดื่มของตัวเองหรือเปล่า
  • คุณเคยพยายามเลิกหรือลดการใช้สารเสพติดหรือการดื่ม แต่ไม่ประสบความสำเร็จหรือเปล่า
  • คุณสังเกตเห็นอาการของการถอนยาเมื่อคุณไม่ได้ใช้สารเพติดหรือดื่มเหล้าหรือเปล่า อย่างเช่นอาการปวดหัว หนาวสั่น นอนไม่หลับ หัวใจเต้นแรงเร็ว ท้องไส้ปั่นป่วน และวิตกกังวล
  • คุณเคยมีอารมณ์ปั่นป่วนและหงุดหงิดหรือเปล่า
  • คุณมีอาการ “อยาก” สารเสพติดจนทำให้คุณต้องใช้มันหรือเปล่า
  • คุณเลือกที่จะใช้สารเสพติดหรือดื่มเหล้ามากกว่าการทำกิจกรรมอื่นๆ ที่คุณเคยชอบหรือเปล่า
  • คุณรู้สึกผิดหรือกังวลเกี่ยวกับการดื่มของตัวเองหรือเปล่า

หากคุณตอบว่า “ใช่” หรือ “เคย” กับคำถามเหล่านี้ ก็ควรติดต่อกับผู้เชี่ยวชาญด้านการเสพติดโดยด่วน เพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติมว่าคุณควรทำอย่างไรต่อไป แต่ข่าวดีก็คืvอ มีตัวเลือกการรักษาที่มีคุณภาพอยู่มากมาย ซึ่งอาจตรงกับความต้องการของคุณ และช่วยให้คุณสามารถเอาชนะการเสพติดของตัวเองได้ 

ทางเลือกการบำบัดรักษาที่เดอะดอว์น

ศูนย์บำบัดยาเสพติด เดอะดอว์น เชียงใหม่ ให้บริการการรักษาแบบครบวงจรที่สามารถปรับแต่งให้เหมาะกับแต่ละบุคคล จุดประสงค์หลักของหลักสูตรการรักษาที่เป็นเอกลักษณ์ของเดอะดอว์นก็คือ เพื่อให้ผู้รับการรักษาประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูตัวเองจากการเสพติดได้ในระยะยาว ด้วยการมอบเครื่องมือในการรับมือกับปัญหาที่เหมาะกับแต่ละคน สำหรับใช้รับมือกับปัญหาต่างๆ ในชีวิต และกำจัดความปรารถนาที่จะกลับไปใช้สารเสพติดอีกครั้ง

การรักษาแบบอยู่ประจำ ที่เดอะดอว์น

เดอะดอว์นเป็นสถานบำบัดที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ ดำเนินการโดยนักบำบัดที่มีประสบการณ์สูง และมีตัวเลือกการบำบัดหลายแบบ โดยทั่วไปแล้ว การบำบัดจะกินเวลานาน 90 วัน และเน้นไปที่การจัดการกับทุกด้านของการเสพติดแบบครอบคลุม โดย 30 วันแรกจะให้ความสำคัญกับการล้างพิษทางร่างกายและจิตใจ เพื่อให้ผู้ที่มีปัญหาการเสพติดมีความมั่นคงทางอารมณ์และสภาพจิตใจโดยรวมเสียก่อน แล้วจากนั้นก็จะเริ่มเจาะลึกลงไปยังปัจจัยต่างๆ ที่อยู่เบื้องหลังการเสพติด แยกแยะและทำความเข้าใจรากเหง้าของปัญหา สร้างกลไกทางเลือกในการรับมือกับความเครียด และจัดการกับปัญหาเรื่องโรคร่วมที่มี

หากคุณกำลังมองหาหนทางที่จะยุติการเสพติดของคุณ โทรหาเราได้เลยเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติมในสิ่งที่เราสามารถทำให้คุณได้

ประกาศ

ณ ปัจจุบัน ศูนย์ของเรา ได้ยุติการให้บริการบำบัดภาคภาษาไทย

เดอะดอว์นขอขอบคุณทุกความไว้วางใจมา ณ ที่นี้

ให้เราช่วยคุณเริ่มต้นการเดินทางสู่สุขภาวะที่ดีตั้งแต่วันนี้

โทร: 083 204 8384