เมื่อต้องการการยอมรับและความรักจากผู้อื่น ก้าวข้ามเส้นแบ่งของสัมพันธภาพแบบปกติสู่ “ความสัมพันธ์แบบพึ่งพา” มันจะทำลายความสัมพันธ์ของคุณ อาจส่งเสริมการเสพติดของคนที่คุณรัก และนำไปสู่ปัญหาสุขภาพจิตโดยที่คุณไม่รู้ตัว
การต้องการการยอมรับจากผู้อื่นเป็นเรื่องปกติของคนเรา แต่หากคุณหรือใครสักคนที่คุณรู้จัก ต้องการการยอมรับจากผู้อื่นเพื่อที่จะรู้สึกดีกับตัวเอง หรือเจ็บปวดแสนสาหัสเมื่อได้รับคำวิจารณ์ในเชิงสร้างสรรค์ รวมทั้งไม่อาจที่จะเดินออกมาจากความสัมพันธ์อันเลวร้าย ที่กำลังทำลายตัวเองได้ ความสัมพันธ์เช่นนี้คงไม่อาจเรียกได้ว่า “ความรัก” และไม่ใช่ “ความสัมพันธ์ปกติ” ที่คุณควรจะเพิกเฉย
ความรักที่อยู่บนการพึ่งพาทางความรู้สึกต่อผู้อื่นในระดับที่ “ไม่ปกติ” นั้น เป็นปัญหาสุขภาพจิตอย่างหนึ่งที่เป็น “รากเหง้าของปัญหา” อันอาจนำไปสู่โรคทางจิตใจอื่นๆ รวมไปถึงอาจส่งเสริมให้การเสพติดที่เกิดขึ้นกับคนที่คุณรักให้เลวร้ายลงไปอีก โดยที่คุณอาจไม่รู้ตัว
ความสัมพันธ์แบบพึ่งพาคืออะไรกันแน่
ผู้เชี่ยวชาญทางด้านจิตวิทยาจำนวนมากอธิบายถึง “ความสัมพันธ์แบบพึ่งพา” หรือ “Codependency” ไว้ว่า เป็นสัมพันธภาพที่ฝ่ายหนึ่งพึ่งพาอาศัยการยอมรับจากอีกฝ่ายหนึ่งในแบบเกินเลย ไม่ว่าจะในเรื่องตัวตนของตนเอง พฤติกรรม หรือการเลือกปฏิบัติใดๆ จะขึ้นอยู่กับผู้อื่นเป็นส่วนใหญ่ — หรือเกือบทุกเรื่อง และโดยที่ไม่ว่าคนผู้นั้นจะมีปัญหาทางจิตใจ ขาดความรับผิดชอบ หรือมีพฤติกรรมเสพติดใดๆ ก็ตาม
พฤติกรรมการพึ่งพาอาจแสดงออกได้ในหลายลักษณะ ไม่ว่าจะเป็นสามีที่ช่วยเหลือการติดแอกอฮอล์ของภรรยา พ่อแม่ที่ปล่อยให้ลูกกระทำการเหลวไหลโดยไม่ห้ามปราม แฟนสาวที่โกหกเพื่อปกป้องแฟนหนุ่มที่ทำร้ายเธอ หรือแฟนหนุ่มที่ไม่ยอมอยู่ห่างคนรักแม้แต่เพียงครู่เดียว
การช่วยเหลือและสนับสนุนคนที่เรารักในการจัดการกับปัญหา ไม่ว่าจะดีหรือร้าย และไม่ว่าจะต้องเสียอะไรไปบ้างก็ตาม เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้ที่มีพฤติกรรมการพึ่งพารู้สึกว่าได้รับการยอมรับ และเป็นที่ต้องการ คนเหล่านี้ตีความหมายว่านี่คือความรักที่ปราศจากเงื่อนไข แม้จะเป็นความสัมพันธ์ที่ไม่มีความสุขหรือทำร้ายกันก็ตามที
สัญญาณที่บ่งบอกถึงความสัมพันธ์แบบพึ่งพา
โดยทั่วไปแล้ว ผู้ที่อยู่ในความสัมพันธ์ที่ปกติจะรักและใส่ใจในคนรัก โดยไม่ผูกติดตัวเองกับการดูแลผู้อื่น หากคนที่รักแสดงพฤติกรรมในแง่ลบหรือเป็นอันตราย ก็จะช่วยเหลือแต่ไม่ให้ท้ายแบบผิดๆ ไม่ได้อยู่ได้ด้วยการยอมรับจากคนอื่น แต่สามารถรู้สึกดีได้เมื่ออยู่กับตัวเอง
แต่สำหรับผู้ซึ่งมีพฤติกรรมแบบพึ่งพานั้น มักมองว่าตัวเองเป็นคนที่ใจดีและเอาใจใส่ผู้อื่น โดยไม่รู้ตัวว่าพฤติกรรมของตนเองส่งผลกระทบในทางลบแก่ตนเองและคนที่อยู่รอบตัวอย่างไรบ้าง สัญญาณเหล่านี้อาจบ่งบอกว่า คุณหรือคนที่คุณรู้จักอาจก้าวข้ามจากความเอาใจใส่แบบปกติ สู่พฤติกรรมการพึ่งพาไปแล้วก็ได้
- คุณเพิกเฉย อดทน หรือส่งเสริมพฤติกรรมซึ่งไม่เป็นที่ยอมรับ
- คุณรู้สึกโกรธเกรี้ยวมากกว่าเมื่อคนที่คุณรักถูกทำร้าย ยิ่งกว่าเมื่อตัวเองต้องเจอกับความไม่ยุติธรรมเสียอีก
- คุณรู้สึกปลอดภัย มั่นใจ และสบายใจเมื่อเป็นผู้ให้ แต่ก็รู้สึกไม่มั่นใจและรู้สึกผิด เมื่อบางคนพยายามให้ตอบกลับมา
- คุณยอมทำทุกอย่างเพื่อคนที่คุณรัก รวมถึงการละเลยความต้องการของตนเอง
- คุณยังคงช่วยเหลือ แม้จะไม่ได้รับคำขอบคุณหรือถูกละเลย
- คุณไม่อาจหยุดคิดหรือหยุดพูดถึงปัญหาของคนอื่นได้
- คุณอยู่กับคู่รักที่ทำร้ายคุณ หรืออดทนต่อสัมพันธภาพที่ไม่มีความสุข
- คุณไม่มีความสุขเวลาที่อยู่คนเดียว
- คุณรู้สึกเบื่อหรือไม่มีคุณค่า เมื่อไม่มีปัญหาต้องให้แก้ หรือไม่มีคนที่จะดูแลเอาใจใส่
- คุณยินดีที่จะมีสัมพันธภาพที่แย่ๆ ดีกว่าอยู่ป็นโสด
ความสัมพันธ์แบบพึ่งพา..ทำไมถึง “ร้าย” ก็ยัง “รัก”
ส่วนใหญ่แล้ว พฤติกรรมการพึ่งพาเช่นนี้มักมาจากการเติบโตมาในครอบครัวที่เด็กๆ ได้เห็นพ่อแม่ที่อยู่ในความสัมพันธ์แบบพึ่งพา สอนให้เด็กๆ รู้สึกว่าพฤติกรรมการพึ่งพาเช่นนี้เป็นเรื่องปกติ เป็นสิ่งที่พึงกระทำในความสัมพันธ์ ฉะนั้น เด็กที่มาจากครอบครัวที่มีความสัมพันธ์แบบพึ่งพา มีแนวโน้มจะสร้างความสัมพันธ์แบบเดียวกันนี้ในชีวิตของตนเองโดยที่ไม่รู้ตัวเลย
อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนเราอาจบ่มเพาะพฤติกรรมการพึ่งพาได้ ก็คือความทุกข์จากการถูกพ่อแม่ละทิ้ง เด็กๆ ต้องการความรักความเอาใจจากพ่อแม่ในการสร้างตัวตนหรือรูปแบบทางพฤติกรรม เมื่อไม่ได้รับในสิ่งที่ต้องการ เด็กๆ ก็จะเรียนรู้ว่าตัวเองไม่เป็นที่รัก หรือคนที่ตนรักนั้นพึ่งพาไม่ได้ พฤติกรรมการพึ่งพาอย่างเช่นการเอาใจคนอื่น หรือการแสวงหาการยอมรับ จึงกลายมาเป็นกลไกของการเอาตัวรอดของเด็กๆ ที่ถูกละทิ้ง ถูกทำร้าย หรือมีบาดแผลทางใจ
คนหลงตัวเอง “คู่กรรม” ของผู้มีพฤติกรรมแบบพึ่งพา
เป็นเหมือนโชคร้ายที่ผู้มีพฤติกรรมแบบพึ่งพาส่วนใหญ่ มักจะจับคู่กับคู่ครองที่มีความผิดปกติทางบุคลิกภาพแบบก้ำกึ้ง (Borderline Personality Disorder) โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เป็นโรคหลงตัวเอง (Narcissistic Personality Disorder) ซึ่งมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะเป็นคนสำคัญหรือคนพิเศษ จึงมักจะหลงรักผู้ที่มีพฤติกรรมแบบพึ่งพา เพราะเป็นเป็นคนที่ใส่ใจ เชื่อฟัง และให้ความสำคัญกับคนที่หลงตัวเองเป็นอันดับหนึ่ง เหนือกว่าความต้องการของตนเองเสียอีก
ความผิดปกติทางบุคลิกภาพอื่นๆ ที่สังเกตเห็นได้บ่อยๆ ในความสัมพันธ์แบบพึ่งพากันก็คือ โรคสมาธิสั้น (ADHD) โรคย้ำคิดย้ำทำ (OCD) และโรคไบโพลาร์
3 ระดับของพฤติกรรมแบบพึ่งพา
ผู้เชี่ยวชาญจัดลำดับของพฤติกรรมแบบพึ่งพา ตั้งแต่เริ่มต้นไปจนถึงขั้นที่ส่งผลต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตเอาไว้ 3 ระดับดังต่อไปนี้
- ระดับต้น เริ่มมีการหมกมุ่นในใครบางคนในแบบที่ไม่ปกติ มีพฤติกรรมที่เป็นปัญหาเช่น การไม่ยอมรับความจริง การหาข้ออ้าง เลิกคบเพื่อน เลิกทำกิจกรรมต่างๆ ของตัวเองเพื่อใช้เวลาไปกับการดูแลใส่ใจผู้อื่น
- ระดับกลาง เมื่อผู้ที่มีพฤติกรรมแบบพึ่งพาทุ่มเทในความสัมพันธ์มากขึ้น แต่ไม่ได้รับตอบแทนกลับมามากพอ จะเกิดความหงุดหงิด ผิดหวัง เสียใจ และอาจพยายามเปลี่ยนคนที่ตนเองรักด้วยการบ่น ตำหนิ และมีความเครียดเพิ่มมากขึ้น
- ระดับสุดท้าย เริ่มส่งผลต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิต เกิดโรคจากความเครียดเช่น การนอนไม่หลับ อาการปวดหลังร้าวลงขา ปวดศีรษะ ปัญหาระบบย่อย และการกินผิดปกติ ความเคารพตัวเองตกต่ำถึงขีดสุด และการดูแลตัวเองไม่สำคัญอีกต่อไป ผู้ที่มีอาการในระดับนี้ต้องการความช่วยเหลือโดยด่วน
ความสัมพันธ์แบบพึ่งพาที่บ่มเพาะการเสพติด
การเสพติดและความสัมพันธ์แบบพึ่งพามักจะมีความเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด ผู้ที่มีพฤติกรรมแบบพึ่งพาจะช่วยเหลือผู้เสพติดในการรับมือกับการทำงาน การเงิน และพฤติกรรมที่เป็นปัญหา และอาจมีส่วนร่วมในการใช้สารเสพติดได้ด้วย เป็นไปได้ว่าทั้งสองฝ่ายอาจมีพฤติกรรมแบบพึ่งพา แต่ปกติแล้วคนนึงจะเสพติด และอีกฝ่ายหนึ่งจะช่วยสนับสนุนการเสพติดนั้น
ในการรักษาผู้เสพติด คู่ครองในความสัมพันธ์แบบพึ่งพาหรือผู้ที่ให้การสนับสนุนพฤติกรรมการเสพติด จึงควรต้องเข้ารับการรักษาไปพร้อมๆ กัน โดยวิธีการรักษานั้นขึ้นอยู่กับความจำเป็นของแต่ละคน ทั้งนี้ก็เพื่อสร้างการยอมรับในปัญหาและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปสู่การช่วยเหลือและส่งเสริมกันในแบบที่ไม่เป็นอันตราย
การตัดวงจรอุบาทว์ของพฤติกรรมแบบพึ่งพา
พฤติกรรมแบบพึ่งพาเป็นสิ่งที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ด้วยการรักษาจากมืออาชีพ โดยนักจิตวิทยาจะช่วยให้คำปรึกษาคุณในการแยกแยะความคิด ความรู้สึก และพฤติกรรมของตนเอง หรืออาจมีการใช้ยาร่วมด้วย หากคุณมีความผิดปกติทางจิตใจอย่างอื่นร่วมด้วย ได้แก่ โรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล หรือบาดแผลทางใจจากวัยเด็ก
ผู้เชี่ยวชาญจะช่วยคุณในการปฏิเสธความสัมพันธภาพแบบพึ่งพา เรียนรู้วิธีการรับรู้พฤติกรรมบ่อนทำลายในคนที่คุณรัก และวิธีรับมืออย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ส่งเสริมในทางที่ผิด เรียนรู้การเปลี่ยนโฟกัสจากคนอื่นมายังตัวเอง สร้างตัวตนขึ้นมาใหม่ ปลูกฝังความเคารพตัวเอง และเรียนรู้วิธีการสร้างสัมพันธภาพที่เหมาะสม
ในท้ายที่สุด ความสุขของคุณจะไม่ขึ้นอยู่กับใครอื่นอีกนอกจากตัวเอง เมื่อคุณเอาชนะการพึ่งพาผู้อื่นได้แล้ว ความเคารพในตัวเองของคุณก็จะเพิ่มขึ้น และเข้มแข็งพอที่จะเดินจากสัมพันธภาพที่ไม่มีความสุข ทำให้เจ็บปวด หรือเป็นอันตราย
วิธีเอาชนะพฤติกรรมแบบพึ่งพาที่เดอะดอว์นช่วยคุณได้
โดยหลักแล้ว เดอะดอว์นรักษาการเสพติด ปัญหาทางสุขภาพจิตรวมถึงพฤติกรรมแบบพึ่งพาด้วยการเจาะลึกลงไปยังเหตุผลเบื้องหลังของพฤติกรรมแบบพึ่งพาของคุณ
โดยใช้การบำบัดความคิดและพฤติกรรม (Cognitive Behavioural Therapy) รวมทั้งการบำบัดประเภทอื่นๆ โดยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์
เรายังมีการวินิจฉัยและการรักษาโรคร่วมซึ่งอาจเป็นต้นตอของปัญหา เช่น โรคซึมเศร้า วิตกกังวล และการเจ็บป่วยจากบาดแผลทางใจ ด้วยการบำบัดแบบต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและต้องรักษาไปพร้อมๆ กัน
หากคุณคิดว่าคุณ คนในครอบครัว หรือคนที่คุณรักมีพฤติกรรมแบบพึ่งพา และต้องการเข้ารับการรักษาเพื่อหยุดพฤติกรรมที่เป็นอันตรายเช่นนี้ ติดต่อแผนกแรกรับของเราวันนี้ เพื่อรับข้อมูลเกี่ยวกับขั้นตอนสู่การเข้ารับบำบัดที่ศูนย์ของเรา